Historic

โดยที่กองทัพบกได้พิจารณาเห็นเป็นการสมควรที่จะให้การศึกษาแก่นายทหารสัญญาบัตรที่ได้เลือกแล้วในหน้าที่ ผู้บังคับบัญชา และฝ่ายอำนวยการชั้นสูง ในกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม กองทัพบกจึงได้ออกคำสั่ง แต่งตั้งกรรมการร่างระเบียบและหลักสูตร สำหรับวิทยาลัยการทัพบกขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2499 การประชุมของคณะกรรมการ ฯ เมื่อ 12 และ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2499 ได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องชื่อของวิทยาลัยและการจัดหลักสูตร ในเรื่องชื่อของวิทยาลัย คณะกรรมการ ฯ ได้กำหนดชื่อในขั้นนี้ไว้ว่า “วิทยาลัยยุทธนาธิการทหารบก” ส่วนหลักสูตรของวิทยาลัย คณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณาวางแนวและกรอบกว้าง ๆ ตลอดจนวิธีดำเนินการศึกษา โดยสอดคล้องกับภารกิจของวิทยาลัย โดยเทียบเคียงกับหลักสูตรของ Army War College ของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา

แต่โดยที่งานในขั้นนี้เป็นงานที่ต้องใช้ความรอบคอบและมีรายละเอียดอยู่มาก จึงเป็นงานที่ต้องกระทำในขั้นเจ้าหน้าที่ การเตรียมงานก่อตั้งวิทยาลัยการทัพบกได้ดำเนินไปด้วยดี คณะกรรมการ ฯ ได้รายงานความก้าวหน้าของงานไปยังผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ให้ทราบเป็นระยะ ๆ เกี่ยวกับชื่อของวิทยาลัย ผู้บังคับบัญชาในระดับสูงเห็นควรเรียกว่า “วิทยาลัยการทัพบก” ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ก็ได้ยึดถือเป็นชื่อตามทางการสืบมา กองทัพบกได้ออกคำสั่งตั้งกรรมการร่างระเบียบและหลักสูตรสำหรับวิทยาลัยการทัพบกขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เมื่อ 10 กรกฏาคม พ.ศ. 2500 และในระยะเดียวกันนี้ กองทัพบกได้พิจารณาปรับปรุงการจัดหน่วยภายในกองทัพบกเสียใหม่ ซึ่งหมายถึงการรวมเอาวิทยาลัยการทัพบกอันเป็นหน่วยตั้งใหม่หน่วยหนึ่งเข้าไว้ในกองทัพบกด้วย

กองทัพบกได้เร่งรัดงานมาทางคณะกรรมการร่างระเบียบและหลักสูตร ฯ ในเรื่องการจัดส่วนราชการวิทยาลัยการทัพบก ทั้งนี้เพื่อให้สามารถประกาศออกทางพระราชกฤษฎีกาได้ก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2503 และทางระเบียบกระทรวงกลาโหมในดับถัดไป ซึ่งประธานกรรมการ ฯ ก็ได้เสนอรายงานไปยังกรมยุทธการทหารบกโดยทันตามกำหนดเวลา

Army War College Evolution

หลังจากได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพบกในกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2500 ออกมาแล้ว กองทัพบกจึงได้เริ่มบรรจุเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานในวิทยาลัยการทัพบก โดยย้ายนายทหารเข้ามาในลำดับแรกจำนวน 2 นาย คือ

1. พลตรี วิโรจน์ อินวะษา รองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก มาเป็น ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบก เมื่อ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2500
2. พันเอก ประสาน แรงกล้า เสนาธิการกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน มาเป็น อาจารย์อำนวยการวิทยาลัยการทัพบก เมื่อ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2500

จากคำสั่งกระทรวงกลาโหมข้างต้น จึงนับได้ว่า พลตรี วิโรจน์ อินวะษา เป็นผู้บัญชาการคนแรกของวิทยาลัยการทัพบก และเนื่องจากวิทยาลัยการทัพบกยังไม่มีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นของตนเองเลย การเริ่มงานในขั้นแรกนี้จึงได้อาศัยสถานที่และอุปกรณ์ของแผนกสารบรรณ กรมยุทธศึกษาทหารบก ไปพลางก่อน และงานส่วนใหญ่เป็นงานขอความสนับสนุนจากหน่วยเหนือในเรื่องสถานที่ และการบรรจุเจ้าหน้าที่ธุระการและอาจารย์

เมื่อ พลจัตวา เล็ก แนวมาลี มาดำรงตำแหน่งรักษาราชการผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบก คงใช้ห้องทำงานเดิม (ส่วนหนึ่งของ บก.รร.สธ.ผส.สธ.กห. ตึกชั้นสองด้านคลองหลอดของกระทรวงกลาโหม) เป็นกองบัญชาการวิทยาลัยการทัพบกชั่วคราว บรรดาอาจารย์และเจ้าหน้าที่ธุรการที่ได้รับการบรรจุในระยะแรกได้ย้ายเข้าประจำทำงานในสถานที่แห่งเดียวกันนี้เมื่อ 14 เมษายน พ.ศ. 2501 เนื่องจาก รร.สธ.ทบ. (ชั้นสามด้านเหนือและด้านตะวันออกของกระทรวงกลาโหม) ได้ดำเนินการขนย้ายไปเข้าที่ตั้งใหม่ บริเวณสวนสนประดิพัทธ์ (เสร็จใน 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2501) วิทยาลัยการทัพบกจึงได้รายงานไปยังกองทัพบก ขอใช้สถานที่บางส่วนที่ รร.สธ.ทบ. ขนย้ายออกไปเป็นที่ตั้งประจำของวิทยาลัยการทัพบก แต่เนื่องจากกองทัพบกมีแผนที่จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสำนักงานของหน่วยราชการอื่นอยู่แล้ว วิทยาลัยการทัพบกจึงมิได้รับอนุมัติตามที่ขอ แต่อย่างไรก็ตามวิทยาลัยการทัพบกก็ได้รับอนุมัติ ให้ใช้สถานที่ส่วนหนึ่งเป็น บก. วิทยาลัยการทัพบกชั่วคราว เนื่องจากสถานที่คับแคบ ไม่เพียงพอที่จะให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเข้าประจำทำงาน วิทยาลัยการทัพบกจึงเพียงย้ายเจ้าหน้าที่ธุรการบางส่วนมาเข้าที่ตั้งใหม่นี้เมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2501

จากผลการประชุมแบ่งสรรสถานที่ทำงานของหน่วยราชการต่าง ๆ อันมี พลโท สุรจิตร จารุเศรณี รองเสนาธิการทหารบกและรักษาราชการแทนเสนาธิการทหารบกเป็นประธาน ฯ เมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 เวลา 1400 ได้มีการตกลงแลกเปลี่ยนสถานที่ทำงานกันระหว่างกองบัญชาการวิทยาลัยการทัพบก และโรงเรียนส่งกำลังบำรุงทหารบก (ชั้นสามด้านเหนือของกระทรวงกลาโหม) ซึ่งสถานที่แห่งใหม่นี้กว้างขวางกว่าสถานที่เดิม เจ้าหน้าที่และอาจารย์ได้เข้าประจำทำงานในที่ตั้งใหม่นี้เมื่อ 22 กรกฏาคม พ.ศ. 2501 วิทยาลัยการทัพบกได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็น บก. ตลอดมาจนกระทั่งได้รับคำสั่งจากกองทัพบกให้ย้ายมาอยู่ ณ หอวิวัฒนาการ กรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งได้สร้างเสร็จและกระทำพิธีเปิดเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2502 เวลา 0900 วิทยาลัยการทัพบกได้ขนย้าย บก. มาเข้าที่ตั้งใหม่ (ชั้นล่าง ปีกด้านทิศใต้) เมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2502 เวลา 1000

พลจัตวา เล็ก แนวมาลี รักษาราชการผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบก ได้ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มแรกเตรียมงานมุ่งที่จะเปิดการศึกษาชุดที่ 1 ให้ได้ในปี พ.ศ. 2502 โดยได้เขียนโครงการศึกษาประจำปีและหลักสูตรการศึกษา โดยแก้ไขปรับปรุงจากหลักการที่คณะกรรมการร่างระเบียบและหลักสูตรสำหรับวิทยาลัยการทัพบกวางไว้ ประกอบกับอาศัยแนวทางจากหลักสูตรของ Army War College ของสหรัฐเป็นหลัก และได้รายงานขออนุมัติไปยังกองทัพบกเมื่อ 3 กันยายน พ.ศ. 2501 ซึ่งกองทัพบกได้พิจารณาอนุมัติเมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2501 ร่างระเบียบกองทัพบกว่าด้วยวิทยาลัยการทัพบก พ.ศ. 2501 ฉบับที่เสนอนี้ กรมยุทธการทหารบกได้ส่งเวียนให้กรมฝ่ายเสนาธิการต่าง ๆ ร่วมพิจารณาซึ่งก็ได้รับข้อคิดเห็นว่าควรแก้ไขให้รัดกุมยิ่งขึ้นในหลายประการ ซี่งต่อมาได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ของกรมฝ่ายเสนาธิการและวิทยาลัยการทัพบกที่กรมยุทธการทหารบกเมื่อ 11 กันยายน พ.ศ. 2501 พิจารณาวางแนวของระเบียบกองทัพบกว่าด้วยวิทยาลัยการทัพบกในหลักการสำคัญ ๆ

ต่อมาวิทยาลัยการทัพบกได้เสนอร่างระเบียบกองทัพบกว่าด้วยวิทยาลัยการทัพบกที่ได้แก้ไขปรับปรุงแล้วไปยังกรมยุทธการทหารบกอีกเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2501 และเพื่อให้เป็นการรวดเร็วยิ่งขึ้น วิทยาลัยการทัพบกได้สำเนาร่างระเบียบนี้เสนอไปยังกรมฝ่ายเสนาธิการต่าง ๆ ขอให้กรมฝ่ายเสนาธิการแสดงข้อคิดเห็นแล้วส่งข้อคิดเห็นนั้น ๆ ไปยังกรมยุทธการทหารบก ในระยะเวลาเดียวกันนี้วิทยาลัยการทัพบกได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมศิลปากร ขอให้กรมศิลปากรได้ช่วยออกแบบเข็มวิทยะฐานะของวิทยาลัยการทัพบกให้ ซึ่งกรมศิลปากรได้ออกแบบมาให้จำนวน 8 แบบ วิทยาลัยการทัพบกได้เสนอแบบเข็มวิทยะฐานะนี้ไปยังกรมยุทธการทหารบกเพื่อพิจารณาเมื่อ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501 นอกจากนี้วิทยาลัยการทัพบกยังขอให้กรมยุทธโยธาทหารบกออกแบบรูปเข็มวิทยะฐานะมาให้อีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกแบบมาให้จำนวน 8 แบบ กรมยุทธการทหารบกได้นำร่างระเบียบกองทัพบกว่าด้วยวิทยาลัยการทัพบกฉบับที่ได้แก้ไขแล้ว และรูปเข็มวิทยะฐานะทั้งสิ้นเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมฝ่ายอำนวยการ ณ หอประชุมกองทัพบกเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2502 เวลา 0900

สำหรับร่างระเบียบกองทัพบกว่าด้วยวิทยาลัยการทัพบกนั้น พลโท รัศมี รัชนิวัต ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายแผนและวิจัย มีความเห็นว่าควรแก้ไขให้รัดกุมยิ่งขึ้นอีกซึ่งท่านจะได้ติดต่อโดยตรงกับวิทยาลัยการทัพบกต่อไป ส่วนรูปเข็มวิทยะฐานะของวิทยาลัยการทัพบกนั้น เมื่อได้พิจารณากันแล้ว ที่ประชุมตกลงเลือกแบบ 6 อัน เป็นแบบของวิทยาลัยการทัพบก เป็นรูปเข็มวิทยะฐานะของวิทยาลัยการทัพบกสืบไป และให้ชื่อว่า “แสนยาธิปัตย์”

หลังจากที่ได้มีการหารือโดยตรงระหว่างผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายแผนและวิจัยและผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบก แก้ไขปรับปรุงร่างระเบียบอีกเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2502 และ 15 เมษายน พ.ศ. 2502 แล้ว วิทยาลัยการทัพบกจึงได้เสนอร่างระเบียบกองทัพบกว่าด้วยวิทยาลัยการทัพบก พ.ศ. 2502 ไปยังกองทัพบกเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2502 และผู้บังคับบัญชาได้ลงนามประกาศใช้เมื่อ 24 เมษายน พ.ศ. 2502 ในที่สุดวิทยาลัยการทัพบกก็พร้อมที่จะเปิดการศึกษาในชุดที่ 1 ได้ใน 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 โดยคำสั่งกองทัพบก ที่ 110/9063 ลง 24 เมษายน พ.ศ. 2502 เรื่องให้นายทหารเข้าศึกษาในวิทยาลัยการทัพบก ชุดที่ 1

รูปเข็มวิทยะฐาน “เข็มแสนยาธิปัตย์”

ทำเป็นรูปพระกรรภิรมย์เสนาธิปัตย์ สถิตเหนือหลังช้าง ประกอบวงจักร ส่วนกว้าง 3 เซนติเมตร สูง 6 เซนติเมตร ทำด้วยโลหะสีทอง ใช้ประดับที่กระเป๋าเสื้อเบื้องขวา การออกแบบเข็มแสนยาธิปัตย์เป็นความคิดของ ร้อยตรี ปรีชา บุญถึง ตำแหน่งประจำแผนกกองธุรการ วิทยาลัยการทัพบก ซึ่งศึกษาจบประกาศนียบัตรประโยควิชาชีพชั้นสูง แผนกวิจิตรศิลป์ (โรงเรียนเพาะช่าง) ที่ประชุมกรมฝ่ายอำนวยการ ณ หอประชุมกองทัพบก ได้ลงมติเลือกรูปเข็มวิทยะฐานะตามความคิดของ ร้อยตรี เดชา บุญถึง เป็นรูปเข็มวิทยะฐานะของวิทยาลัยการทัพบกเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2502 พุทธภาษัต “นตฺถิ ปัญญาสมา อาภา - แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี” ฯ พณ ฯ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้อันเชิญมามอบให้เป็นคำขวัญประจำวิทยาลัยการทัพบก เมื่อ 20 กันยายน พ.ศ. 2504 และวิทยาลัยการทัพบกได้ถือเป็นปรัชญาทางการศึกษาตลอดมาจนถึงปัจจุบัน